การลงทุน
Lifestyle

แนวทางการลงทุนที่น่าสนใจ

ปัจจุบันการทำงานเพียงอาชีพเดียวอาจจะใช้จ่ายได้ไม่เพียงพอ เทรนด์การทำงานหลักและงานเสริมหรือหารายได้เสริมอื่นๆ เรียกได้ว่าหลายๆ ท่านหากทำได้ก็จะย่อมที่ทำงานเสริมกันแน่นอนครับ แต่การหารายได้สามารถทำได้หลายๆ ทาง วันนี้เราจึงอยากพาทุกๆ ท่านมาพบกับ “แนวทางการลงทุนที่น่าสนใจ” กันครับ จะมีการลงทุนแบบไหนบ้างนั้น เราไปชมกันเล้ยย!!!

4 หลักการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดี

1.ลงทุนแบบ DCA (Dollar Cost Average)

หากใครที่มั่นใจในตัวเองว่า ตนเองนั้นมีวินัยทางการเงินที่ค่อนข้างมาก ก็ลองมาลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือที่รู้จักกันว่า DCA (Dollar Cost Average) ครับ เป็นวิธีที่ลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวมเป็นจำนวนเงินเท่ากันในทุก ๆ เดือน คล้ายกับการฝากเงินประจำ เพียงแต่จะมีความเสี่ยงของตลาดหลักทรัพย์แอยู่บ้าง ซึ่งหากคุณศึกษาการลงทุนอย่างดี เลือกลงทุนกับธุรกิจที่มีโอกาสเติมโต โอกาสจะสร้างผลกำไรก็เป็นเรื่องง่าย หากต้องการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการลงทุนแบบ DCA ก็สามารถดูได้ที่นี่เลยครับ มาเริ่มต้นลงทุนด้วยการออมเงินแบบ DCA กันเถอะ

2.ลงทุนในทองคำแท่ง

การลงทุนในทองคำแท่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สร้างผลตอบแทนดีเช่นกัน คนไทยส่วนใหญ่คุ้นเคยกับทองรูปพรรณ แต่ทองคำแท่งเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนให้ความสนใจมากกว่า เนื่องจากมีค่าบล็อกที่ถูกกว่าค่ากำเหน็จทองรูปพรรณ และราคารับซื้อของทองคำแท่งยังถูกหักน้อยกว่าทองรูปพรรณด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนในทองคำแท่ง คุณอาจจะต้องรับความเสี่ยงในเรื่องของราคาทองที่ขึ้นและลงอยู่บ้างนะครับ

3.ลงทุนในกองทุนรวม

หากใครที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นมากนักก็ควรหันไปมองการลงทุนด้วยกองทุนรวมดีกว่า  ยิ่งเป็นนักลงทุนมือใหม่ด้วยแล้วลองหันไปมองพวกกองทุนรวมตราสารหนี้ หรือ ตราสารตลาดเงิน ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ และการลงทุนแบบนี้ ใช้เงินทุกเริ่มต้นเพียง 1,000-2,000 บาท ก็สามารถลงทุนได้ แต่เนื่องจากเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ดังนั้นผลตอบแทนที่ได้รับก็จะน้อยตามเงินลงทุนทั่วไปนั่นเองการลงทุนเป็นเรื่องที่ไม่ยาก ถึงแม้จะมีงบในการลงทุนไม่มากก็สามารถลงทุนได้ โดยอาศัยวินัยทางการเงินของคุณในทุก ๆ เดือน พร้อมกับการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ก็จะช่วยให้ผลตอบแทนจากกาารลงทุนเห็นผลในอนาคตอย่างแน่นอน

4.ลงทุนซื้อสลากออมสินหรือ สลาก ธอส

จะเป็นการลงทุนและฝากเงินในรูปแบบหนึ่งที่ทำให้เราสามารถลุ้นรับรางวัลใหญ่อีกทั้งยังช่วยให้เราได้ออมเงินมากขึ้นอีกด้วยครับ

การลงทุนระยะสั้นและระยะยาวเป็นอย่างไร? มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันขนาดไหน?

  • การลงทุนระยะสั้น คือ การลงทุนที่หวังผลกำไรในช่วงเวลาสั้นๆ โดยมักจะใช้เวลาในการลงทุนไม่นาน ส่วนใหญ่ระยะเวลาในการลงทุนอยู่ที่ 3 เดือน – 3 ปี เท่านั้น เช่น การซื้อหุ้น ซื้อกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุเฉลี่ยในการถือครองไม่เกิน 1 ปี ซึ่งเหมาะสำหรับนักธุรกิจ เจ้าของกิจการ หรือผู้ที่มีเงินทุนในมือจำนวนมากแล้วอยากทำการลงทุนเพื่อให้เม็ดเงินมีการงอกเงยมากขึ้นและสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว ข้อดีคือ ได้ผลตอบแทนในเวลารวดเร็วแต่ก็แลกมาด้วยความผันผวนที่ขึ้นลงเป็นอย่างมาก ซึ่งต้องใช้เวลาในการติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลานั้นเองครับ
  • การลงทุนระยะยาว คือ รูปแบบของการลงทุนที่มีการกำหนดแผนทางการเงินและนโยบายสำหรับลงทุนไว้เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นผลตอบแทนที่คาดหวัง ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ระยะเวลาการลงทุน ข้อจำกัดการลงทุนและภาษี รวมถึงเงินลงทุนทั้งในปัจจุบันและที่นำมาลงทุนเพิ่มในอนาคต

โดยการลงทุนระยะยาวเหมาะกับคนที่มีฐานเงินเดือนประจำ เช่น พนักงานออฟฟิศหรือข้าราชการ ที่มีความต้องการออมเงินระยะยาวเอาไว้ใช้ยามจำเป็นหรือหลังเกษียณ ซึ่ข้อดีให้ผลตอบแทนมาก แต่ต้องแลกกับการใช้เวลานาน, มีความผันผวนทางการเงินที่น้อยอีกด้วยครับ

และนี้ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับ “แนวทางการลงทุนที่น่าสนใจ” ที่เราได้รวบรวมมาฝากทุกๆ ท่านกันครับ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนกันนะครับ